เกร็ดความรู้ก่อนตัดสินใจทำเคลือบแก้ว

เคลือบแก้วรถยนต์ หรือ Glass Coating เป็นสิ่งที่หลายคนคงคุ้นหูและสงสัยว่า มีความจำเป็นมากหรือน้อยอย่างไรกับรถยนต์ของเราและถ้าตัดสินใจ จะทำเคลือบแก้วแล้วควรเลือกทำแบบไหนดี เพราะรถหนึ่งคัน เราไม่ควรเสียเงินทำเคลือบแก้วกันบ่อยๆใช่ไหมครับ

 

เคลือบแก้วมีแทบทุกที่ ?

เนื่องจากในปัจจุบัน มีบริการเคลือบแก้วรถยนต์อยู่แทบทุกมุมเมือง โดยเฉพาะในเคลือบแก้วในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ๆก็มีร้านให้บริการเคลือบแก้วรถยนต์อยู่ไม่ต่ำกว่าหลักร้อยถึงพันแห่ง

 

อะไรคือความแตกต่าง ?

ความแตกต่างของเคลือบแก้วที่แท้จริง คงมีอยู่หลากหลายมิติ แต่หลักๆแล้วเราควรจะเลือกเคลือบแก้วจากปัจจัยใดบ้าง

 

ปัจจัยข้อ 1 ราคาเคลือบแก้ว ถูกและดีจริงหรือไม่ ?

เป็นเรื่องที่ชวนคิด เนื่องจากราคาของเคลือบแก้วปัจจุบันมีตั้งแต่ราคาหลักพัน ถึงหลักหมื่น จนถึงแสนอะไรคือราคาที่แท้จริง ถูกเกินไป หรือ แพงเกินไป จะน่าเชื่อถือหรือไม่ การใช้ราคาเป็นเกณฑ์ตัดสินคงไม่ใช่คำตอบที่ดีนักเนื่องจากก่อนที่เราจะตัดสินใจ ควรพิจารณาเรื่องคุณภาพ ความคงทนของเคลือบแก้ว และการบริการก่อน และหลังการขายควบคู่กันไปเพราะราคาที่ถูกที่สุด ไม่ได้แปลว่าจะได้ของดีที่สุดเสมอไป ควรจะเลือกเคลือบแก้วที่คุ้มค่าอยู่ได้คงทน ไม่ต้องเสียเงินบ่อยๆ

 

ปัจจัยข้อ 2 คุณภาพของเคลือบแก้วแท้ๆ (Si)

จึงเป็นสิ่งที่ต้องนึกถึง และคุณภาพของเคลือบแก้ววัดได้จากอะไรบ้าง อะไรคือเคลือบแก้วแท้ หรือ เคลือบแก้วผสมเคลือบแก้วแท้ๆ ก็เหมือนทองคำแท้ ซึ่งมีมูลค่าและคุณค่าของตนตัวเองต้นกำเนิดของเคลือบแก้วแท้ๆ ที่จริงแล้วถูกผลิตขึ้นมาจาก สารซีลีก้า Si โดยปัจจุบัน ค่าความแข็งสูงสุดของเคลือบแก้วซีลีก้าแท้ที่ผลิตได้จริง อยู่ที่ระดับ 9H

 

ความแข็ง คือ สิ่งที่สำคัญมากกว่าความหนาของไมครอน

เคลือบแก้วระดับ 9H จัดเป็นระดับพรีเมียมเกรดที่ทางองค์กรในประเทศญี่ปุ่น Japan Quartz Club ซึ่งเป็นต้นกำเนิดเคลือบแก้วให้การรับรองคุณภาพส่วนเคลือบแก้วในระดับผสม มักให้คุณภาพที่ลดลงตามปริมาณ และความคงทนนั้นหมายความว่า หากเราเลือกเคลือบแก้วผสม เราอาาจะต้องเสียทำเงินเคลือบแก้วบ่อยๆ เพราะมีการเกาะติดของสารซีลีก้าในปริมาณต่ำถึงแม้จะเคลือบให้มีความหนาหลายชั้นเป็น สิบๆไมครอน ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ถึงแม้จะมีราคาถูก ก็เปรียบเหมือนทองคำที่ถูกชุบ เพราะเนื้อในยังคงมีสารประกอบอื่นๆเจืออยู่นั่นเอง

 

ปัจจัยข้อ 2 วิธีการทำเคลือบแก้ว และ เทคนิคใหม่ๆ

ถึงแม้จะเลือกเคลือบแก้วแท้ๆ ที่มีการผลิตมาจากสารซีลีก้า Si เข้มข้น แต่ในตลาดยังมีอยู่มากมายดังนั้นการเคลือบแก้วที่ให้ผลดี ควรจะพิจารณาจากเทคนิคการส่งผ่านสารซีลีก้าที่ดีด้วยเช่นกันซึ่งขั้นตอนวิธีการทำเคลือบแก้วในปัจจุบันนั้นด้วยกันอยู่ 2 ระบบ ได้แก่

 

1 ระบบทาด้วยมือ (Hand made) ซึ่งเป็นการทาสารประกอบซีลีก้า Si ลงบนชั้นผิวสีรถยนต์ด้วยฟองน้ำ ให้เกิดเป็นสาร SiO ซึ่งเป็นเทคนิคที่คาร์แคร์โดยทั่วไปเลือกใช้ เนื่องจากไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมใดๆ และสามารถเลือกทำได้กับน้ำยาซีลีก้าทุกเกรดดังนั้นคุณภาพของเคลือบแก้ว จึงขึ้นอยู่กับโครงสร้างของน้ำยาซีลีก้า และความปราณีตและความละเอียดอ่อนของช่างซึ่งต้องได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ถึงจะทำให้งานทาเคลือบแก้วนั้นเปี่ยมไปด้วยคุณภาพเพราะหากทาไม่ดีแล้ว โอกาสที่น้ำยาซีลีก้าใสๆ จะกระจายตัวปกป้องผิวรถทั้งคัน คงเป็นไปได้ยากและมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นแล้ว

 

2 เคลือบแก้วระบบพ่น หรือ เรียกว่า Quartz Glass Coating ซึ่งเป็นเทคนิคการเคลือบแก้วขั้นสูง ทำได้เฉพาะกับเคลือบแก้วที่ให้ค่าความแข็งระดับ 9 H เท่านั้นเนื่องจากเทคนิคการพ่น จะช่วยส่งผ่านสารซีลีก้า ให้เกิดประจุซีลีก้า Sio2 ตามธรรมชาติ เปรียบได้ดังแร่ Quartz หรือผลึกแก้วที่แข็งกว่าแก้วทั่วไปซึ่งเทคนิคการพ่นจะใช้ได้เฉพาะกับ สารเคลือบแก้วที่มี Silica ความเข้มข้นสูง ไม่มีสารประกอบอื่นๆเจือปนเท่านั้นดังนั้น ระบบพ่นจึงเป็นที่นิยมมากและถูกพูดถึงมากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็น ประเทศต้นกำเนิดเคลือบแก้วรถยนต์และคิดค้นวิธีการพ่นขึ้นมาซึ่งในประเทศไทยได้มีกลุ่มคาร์แคร์คุณภาพนำเข้าเทคนิคการพ่นนี้เข้ามาแล้ว โดยผ่านการยอมรับจาก Japan Quartz Club ประเทศญี่ปุ่น

 

ดังนั้น หากพิจารณาเลือกทำเคลือบแก้วให้กับรถที่เรารักสักครั้ง ควรจะพิจารณาตามปัจจัยทั้งหมดที่ได้กล่าวมาครับและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ ผ่านการรับรองจริงจากองค์กรที่เชื่อถือได้